  | 
       
      
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            ในปี  พ.ศ.2504 ทางคณะกรรมการมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีน(บ้านดอน)  และบรรดาผู้อาวุโสในหมู่บ้านได้เล็งเห็นว่า การสอนหนังสือของอาจารย์มูฮำหมัด บิน  ซอและห์ (ครูหมัดไฝ) โดยใช้บ้านเป็นสถานที่สอนนั้น  มีสถานที่ไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น  และยังจะทำความลำบากให้กับครอบครัวของท่านด้วย จึงได้คิดสร้างโรงเรียนสอนศาสนาขึ้น  และได้มีการประชุมปรึกษาหารือกัน ในที่สุดมีมติให้จัดสร้างโรงเรียน  โดยใช้เงินของมัสยิด และได้ทำการปลูกสร้างบนที่ดินของฮัจยีอิสหากและฮัจยะห์โต๊ะทิม  บุษบา โดยก่อสร้างเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น  เริ่มทำการก่อสร้างในตอนเข้าของวันอาทิตย์แห่งเดือนซุ้ลฮิจญะห์ ปี ฮ.ศ. 1381 (พ.ศ.  2504)  | 
           
          
            |   | 
           
          
          | 
       
      
        
          
            
              
                
                  และในปีเดียวกันนี้เอง  ฮัจยีซำซุดดีน หวังภักดี ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ได้เข้าพบกับท่านซัยยิด  อามีน ซึ่งท่านเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมัสยิดอัลฮารอมที่มักกะห์  และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทยและเอเชียที่ไปศึกษาอยู่ที่นครมักกะห์  และท่านยังเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากท่านนบี(ซ.ล.)อีกด้วย  และได้เรียนให้ทราบถึงการสร้างโรงเรียนสอนศาสนาของท่าน ท่านซัยยิด อามีน  ได้ยกมือทั้งสองของท่านขึ้นขอต่อเอกองค์อัลเลาะห์ตาอาลา และด้วยบารอกัตอันยิ่งใหญ่  จากคำวิงวอนของท่านนี่เอง ที่ทำให้โรงเรียนมีความเจริญรุ่งเรือง  มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมุสลิม  | 
                 
               
             
               
              
                
                  คณะกรรมการและบรรดาช่างก่อสร้างทั้งหลาย  ได้ร่วมมือร่วมใจกัน ทำการสร้างโรงเรียนโดยไม่ได้คิดค่าแรงแต่อย่างใด  ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 เดือนก็เสร็จเรียบร้อย  ท่านจึงได้ย้ายไปทำการสอนบนโรงเรียน และมีนักเรียนมาสมัครเรียนเพิ่มเป็นจำนวนมาก  ทางโรงเรียนไม่มีที่พักให้กับนักเรียนที่อยู่ห่างไกล จึงจำเป็นจะต้องหาที่พักกันเอาเอง  ฮัจยีอีซา ฮัจยะห์ฮาบีเบาะห์ หนูรักษ์ ได้ให้ความอนุเคราะห์  อนุญาตให้ใช้ที่ดินใกล้โรงเรียน เป็นสถานที่ปลูกสร้างที่พักหลังเล็กๆ  หรือที่เรียกกันว่า “ปอเนอะ” เป็นการชั่วคราว  เพื่อจะได้เป็นที่พักอาศัยและศึกษาหาความรู้ ต่อมาเมื่อมีนักเรียนมาศึกษาเพิ่มมากขึ้น  อาจารย์ผู้ทำการสอนมีเพียงท่านเดียว ย่อมไม่สามารถทำการสอนได้ทั่วถึง  จึงจำเป็นต้องเพิ่มครูขึ้นมาอีก  ทางคณะกรรมการมัสยิดฯซึ่งทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาของโรงเรียน  จึงจัดให้นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นสูง มาช่วยทำการสอนนักเรียนชั้นต่ำ  เป็นการแบ่งเบาภาระของท่านลงไปได้บ้าง สำหรับตัวท่านนั้นไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ  ท่านได้ทุ่มเทชีวิตของท่านให้แก่ศาสนา มุ่งแต่ทำการสอนหนังสือเพียงอย่างเดียว  และท่านก็เป็นที่นับถือของชาวบ้านทั่วไปในนาม “ครูหมัดไฝ”  | 
                 
                | 
             | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            โรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้น  ยังมิได้มีการตั้งชื่อและจดทะเบียนให้ถูกต้อง เป็นแต่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “โรงเรียนครูหมัด” และโรงเรียนยังตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยบรรดาสิ่งเย้ายวนทั้งหลายในย่านเพชรบุรีตัดใหม่  และเพื่อความเป็นศิริมงคลและเพื่อโครงการต่อไปในอนาคต  คณะกรรมการการศึกษาจึงได้ตั้งชื่อว่า “โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์” หมายถึง “กุญแจไขไปสู่วิชาการแห่งศาสนา”  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            
              
                  | 
                
                  
                    ต่อมาในปี  พ.ศ. 2518 ท่านได้ขอยื่นจดทะเบียนโรงเรียนอย่างเป็นทางการต่อกระทรวงศึกษาธิการ  และได้รับอนุญาตให้เป็นโรงเรียนสอนศาสนา ตั้งแต่ระดับเตรียมจนถึงชั้นซานาวีย์  โดยท่านดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการโรงเรียน  | 
                   
                  
                    |   | 
                   
                  
                    ภายหลังจากเปิดการสอนไปได้ระยะหนึ่ง  ได้มีลูกศิษย์ของท่านจำนวนมากเข้าสอบชิงทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ  และปรากฏว่ามีนักเรียนไดรับทุนการศึกษาจากต่างประเทศหลายประเทศ เช่น ประเทศอียิปต์  ซาอุดีอาระเบีย ตูนีเซีย แอลจีเรีย ลิเบียและกาตาร์ เป็นต้น  | 
                   
                 
                   | 
               
              | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            
              
                โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์  ยังมิได้มีที่ดินเป็นของตนเอง แต่ได้อาศัยปลูกอยู่บนที่ดินของเอกชน ในปี พ.ศ. 2514  ทางคณะกรรมการการศึกษาจึงคิดที่จะซื้อที่ดิน เพื่อให้เป็นสมบัติของโรงเรียน  และได้มีมติจัดงานการกุศลโดยมีวัตถุประสงค์รับความช่วยเหลือจากพี่น้องมุสลิมในหมู่บ้านดอน  และพี่น้อยมุสลิมจากต่างตำบลในการจัดซื้อที่ดิน  ในการจัดงานดังกล่าวทางโรงเรียนได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง  ที่ได้ร่วมบริจาคทรัพย์จนเพียงพอแก่การจัดซื้อที่ดิน  จนกระทั่งทางโรงเรียนมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 380 ตารางวา  และวะกัฟให้เป็นสมบัติของมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีน(บ้านดอน)  เพื่อจะได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียนหลังต่อไป  | 
               
              | 
              | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            ทางคณะกรรมการมัสยิดและคณะกรรมการการศึกษา  ได้มีดำริจะสร้างและขยายอาคารเรียน ที่แต่เดิมเป็นอาคารไม้สองชั้น  มาเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสามชั้น และได้จัดงานการกุศลขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  มีวัตถุประสงค์เพื่อวางศิลารากฐานอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้น เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม  2517 โดยท่านจุฬาราชมนตรีต่วน สุวรรณศาสน์  ให้เกียรติมาเป็นผู้ประกอบพิธีวางศิลารากฐาน และด้วยความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า  และจากความศรัทธาของพี่น้องมุสลิม ทำให้อาคารเรียนหลังใหม่ได้ก่อสร้างเสร็จลง  เป็นอาคารคอนกรีต 3 ชั้น ดังที่ท่านทั้งหลายได้เห็นอยู่ในขณะนี้  และท่านจุฬาราชมนตรีต่วน สุวรรณศาสน์  ก็ได้ให้เกียรติมาเป็นผู้ทำพิธีเปิดอาคารเรียนหลังใหม่นี้ เมื่อวันที่ 11 เมษายน  2519   | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
             | 
            
              
                ท่านจุฬาราชมนตรีประเสริฐ  มะหะหมัด ได้ทำการบริหารงานของโรงเรียน โดยท่านดำรงตำแห่งผู้จัดการและอำนวยการสอน  และท่านก็ได้ทำการสอนด้วยตัวท่านเองด้วย ท่านให้ความรักแก่ลูกศิษย์ของท่าน  เปรียบเสมือนลูกของท่าน ท่านจะใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหา  ลูกศิษย์ของท่านทุกคนให้ความเคารพและยำเกรง  นอกจากนี้ท่านยังได้ทำการสอนที่บ้านของท่านในตอนเช้าหลังละหมาดซุบฮิ  มีนักเรียนมาเรียนกันจำนวนมาก ต่อมาเมื่อสุขภาพของท่านไม่เอื้ออำนวย  การสอนในตอนเช้าก็ถูกยกเลิกไป เพราะทุกคนลงความเห็นว่า ต้องการให้ท่านได้พักผ่อนมากๆ  ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยกับการสอน ท่านอุทิศตนเพื่อหนทางศาสนาอย่างแท้จริง  | 
               
              
                |   | 
               
             
              
                
                  ปัจจุบัน  โรงเรียนได้อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีน(บ้านดอน) มีนายอรุณ  บุญชม อีหม่ามมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีน เป็นผู้รับใบอนุญาต  สก.ประสิทธิ์(อุสมาน) มะหะหมัด เป็นผู้จัดการ, อาจารย์วินัย(ฮุซัยนี) หวังภักดี เป็นอาจารย์ใหญ่, อาจารย์ทองคำ(อาดำ) มะหะหมัด และอาจารย์อรุณ(มูฮำหมัดยาลาลุดดีน) บุญชม  เป็นฝ่ายวิชาการ และคณาจารย์อีก 20 กว่าท่าน ที่พร้อมทำหน้าที่อบรมสั่งสอนลูกศิษย์  ให้เป็นคนดีของสังคมและเป็นบ่าวที่ดีของพระผู้เป็นเจ้า  ตามเจตนารมณ์ของอดีตท่านจุฬาราชมนตรี อาจารย์ประเสริฐ มะหะหมัด  และบรรดาผู้อาวุโสที่ล่วงลับไปแล้วสืบไป  | 
                 
                                | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        |   | 
       
      
        |   | 
       
      
         | 
       
      
      
         | 
       
      
        |   | 
       
      |