  | 
       
      
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            เมื่อประมาณ 170 ปีล่วงมาแล้ว ชนมุสลิมกลุ่มหนึ่งจากภาคใต้ของประเทศไทย คือจังหวัดปัตตานี ได้มาตั้งภูมิลำเนาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 47 (ซอยบ้านดอน) ขณะนั้นบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดอน จึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านดอน” และยังไม่มีมัสยิดที่จะประกอบศาสนกิจ ต่อมาหมู่บ้านนี้(บ้านดอน) มีคนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความเป็นอยู่ได้รับความลำบากนานาประการ เนื่องจากหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนที่ดอน การขาดแคลนน้ำและการคมนาคมเป็นปัญหาสำคัญยิ่ง จึงได้รวมกันย้ายหมู่บ้านมาอยู่ที่บ้านต้นไทร ริมคลองแสนแสบ เพราะเนื่องจากมีต้นไทรต้นหนึ่ง คนทั่วไปจึงเรียกว่า “บ้านต้นไทร” แต่คนที่เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่นั้น ได้ย้ายมาจากบ้านดอน จึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านดอน” จนกระทั่งปัจจุบัน  | 
           
          
            |   | 
           
          
          | 
       
      
        
          
            เมื่อได้ตั้งหมู่บ้านอยู่ริมคลองแสนแสบแล้ว  ความเป็นอยู่ในเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ การคมนาคมตลอดจนการประกอบอาชีพก็ได้รับความสะดวกสบายขึ้นเป็นอันมาก  จนทำให้ทุกคนคิดว่าจะต้องสร้างหลักแหล่งอยู่ที่หมู่บ้านนี้ตลอดไป  จึงจำเป็นต้องจัดการสร้างมัสยิด เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจขึ้น  แต่มัสยิดสมัยนั้นเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวเล็กๆ ตั้งอยู่ในที่ดินส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าของที่ดินอนุญาตให้มัสยิดอาศัยอยู่  โดยมีฮัจยีฮะ มุสตาฟา เป็นอิหม่าม และเมื่อฮัจยีแป้น  ได้มาซื้อที่ดินที่มัสยิดตั้งอยู่ จึงได้วากัฟ(อุทิศ)ให้เป็นที่ดินของมัสยิด  ร่วมกับนางมัรยัม(แมะ) เลาะเซ็ม ซึ่งเป็นบุตรสาว เป็นเนื้อที่ 62 ตารางวา  เมื่อฮัจยีฮะ มุสตาฟา ได้ถึงแก่กรรมลง ฮัจยีเซ็น หวังภักดี ได้เป็นอิหม่าม  และได้ดำรงหน้าที่อิหม่ามด้วยความเรียบร้อยตลอดมา  | 
             | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            ต่อมาเมื่อฮัจยีเซ็น  หวังภักดี ถึงแก่กรรมลง ฮัจยีอับดุลเลาะห์ กระเดื่องเดช ได้เข้าดำรงตำแหน่งอิหม่าม  ได้บริหารและพัฒนามัสยิดให้เจริญขึ้นเป็นลำดับ โดยท่านได้ซื้อที่ดินวากัฟ(อุทิศ)  ให้เป็นสมบัติของมัสยิดจำนวน 347 ตารางวา ทำให้ที่ดินของมัสยิดมีบริเวณกว้างขึ้น  และได้จัดสร้างมัสยิดหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2482  แทนที่มัสยิดหลังเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม  มัสยิดที่สร้างขึ้นใหม่นี้เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว ทำด้วยไม้สัก มีขนาดกว้าง 8 เมตร  ยาว 14 เมตร มีมุขหน้า สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 1,250 บาท  (หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบบาท) และหลังจากได้สร้างมัสยิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ได้พิจารณาเห็นว่าที่ดินรอบคลองแสนแสบ ได้ถูกน้ำกัดเซาะพังเข้ามาอยู่เสมอ  จึงได้ลงเขื่อนตลอดแนวที่ดินมัสยิดเป็นที่เรียบร้อย สิ้นเงินประมาณ 175 บาท  (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าบาท) ท่านได้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามตลอดมาเป็นเวลาประมาณ 27 ปี  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            เมื่อ  พ.ศ. 2488 ฮัจยีอับดุลเลาะห์ กระเดื่องเดช ได้ถึงแก่กรรมลง อิหม่ามชม มุสตาฟา  ดำรงตำแหน่งหน้าที่อิหม่ามสืบมา โดยมีนายสมาน(อามีน) หวังภักดี เป็นคอเต็บ  ฮัจยีหมัด เลาะเซ็ม เป็นบิหลั่น  ในสมัยนั้นมีจำนวนสัปปุรุษและครอบครัวใหม่ๆเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก  และยังไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา  คณะกรรมการมัสยิดจึงได้ขออนุญาตติดตั้งขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ จนกระทั่ง พ.ศ. 2504  ปรากฏว่าจำนวนสัปปุรุษยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนมัสยิดไม่พอแก่การประกอบศาสนกิจ  คณะกรรมการมัสยิดได้ตระหนักถึงเรื่องนี้มาก จึงได้ประชุมปรึกษาหารือแก้ปัญหา  เห็นว่าสมควรให้สร้างอาคารมัสยิดถาวรขึ้น มีขนาดกว้างใหญ่พอแก่จำนวนสัปปุรุษ  ที่จะประกอบศาสนพิธี ซึ่งในการนี้ทางคณะกรรมการมัสยิดได้มีทุนสำรองจากกรมการศาสนา  ที่ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือเพื่อการซ่อมแซมตัวอาคารมัสยิดหลังเดิมเป็นจำนวนเงิน  10,000 บาท  และจะได้ใช้เป็นทุนเริ่มแรกในการวางรากฐานดำเนินการก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่  ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการก่อสร้างได้  และในวาระการประชุมดังกล่าว ปรากฏว่ามีท่านผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า  แสดงเจตจำนงด้วยใจบริสุทธิ์ ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อสร้างมัสยิดหลังใหม่  ดังมีรายนามต่อไปนี้  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
              | 
            
              -  ตวนฮัจยีอิสฮาก  ฮัจยะห์ทิม บุษบา เป็นเงิน 200,000 บาท
 
              - 
                ตวนฮัจยีมูฮำหมัด พุ่มดอกไม้ เป็นเงิน 200,000 บาท
 
              - 
                ตวนฮัจยีมะห์มูด ฮัจยะห์หย่า มะลิ เป็นเงิน 150,000  บาท
 
              - 
                ตวนฮัจยีอับดุลเลาะห์ ฮัจยะห์แปลก น้อยนงเยาว์  เป็นเงิน 100,000 บาท
 
              - 
                ฮัจยะห์อามีนะห์ สาสกุล เป็นเงิน 100,000 บาท
 
              - 
                ตวนฮัจยีมาน ฮัจยะห์หร่ำ พุ่มดอกไม้ เป็นเงิน 50,000  บาท
 
              - 
                ตวนฮัจยียูโซะห์ ฮัจยะห์ซุไลคอ สนศิริ เป็นเงิน  20,000 บาท
 
              - 
                นายพัน ฮัจยะห์ฟาตีเมาะห์ โพธิบุตร เป็นเงิน 20,000  บาท
 
              - 
                นายซัน ฮัจยะห์อาอีซะห์ ออมแก้ว เป็นเงิน 10,000 บาท
 
              - 
                นายหวังลี นางมณี จิตต์อีหมั่น เป็นเงิน 10,000 บาท
 
              | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            เมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาถึงจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคนี้  เห็นว่ามีจำนวนเงินมากพอที่จะก่อสร้างมัสยิดถาวรได้ จึงได้กำหนดโครงการสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น  มีขนาดกว้าง 19 เมตร ยาว 37 เมตร โดยมีหออาซานพร้อมสรรพ   แต่ก่อนที่จะลงมือทำการก่อสร้าง  คณะกรรมการมัสยิดเห็นว่า ควรจะได้ขยายที่ดินให้มีบริเวณกว้างมากกว่าที่มีอยู่เดิม  จึงได้ลงมติซื้อที่ดินบริเวณติดต่อกันเพิ่มขึ้นอีก 100 ตารางวา เป็นเงิน 35,000  บาท (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยจัดสรรให้บรรดาสัปปุรุษซื้อและได้ทำการวากัฟ(อุทิศ)ให้เป็นสมบัติของมัสยิดจนเป็นผลสำเร็จ  และในการนี้นางกามาเรียะห์ กระเดื่องเดช กับนางแมะ กระเดื่องเดช  ได้วากัฟ(อุทิศ)ที่ดินให้เพิ่มขึ้นอีกรายละ 5 ตารางวา รวมเป็น 10 ตารางวา  ดังนั้นมัสยิดจึงมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 519 ตารางวา  แต่ด้วยบริเวณส่วนหนึ่งของที่ดินที่จะสร้างมัสยิดหลังใหม่เป็นบ่อใหญ่และลึก  จำเป็นต้องจัดการถมดินเสียก่อน และในการนี้ฮัจยีมะห์มูด มะลิ และนายพัน โพธิบุตร  ได้ยอมให้ขุดดินในที่ดินของตน เพื่อมาถมบ่อจนเต็มเป็นที่เรียบร้อย  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            ด้วยมัสยิดนี้ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ  การคมนาคมทางบกยังไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร  คณะกรรมการจึงได้มีโครงการตัดถนนเข้าสู่มัสยิด เชื่อมจากซอยประเสริฐสิษฐ์  ซึ่งซอยนี้แยกจากซอยสุขุมวิท 49 (ซอยกลาง) ในการนี้ได้มีผู้ยินยอมให้ที่ดินสำหรับทำถนนพร้อมด้วยเนื้อดินถมเป็นถนนคือ  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            
              - ฮัจยีกอเซ็ม หนูรักษ์ เนื้อที่ 160 ตารางวา
 
              - ฮัจยะห์ฮัฟเซาะห์ ออมแก้ว เนื้อที่ 160  ตารางวา
 
               
              - ฮัจยีหวังลี จิตต์อีหมั่น เนื้อที่ 100  ตารางวา
 
               
              - นายหรี่ นางเด๊ะ เนื้อที่ 11 ตารางวา
 
               
              - ฮัจยีซัลลีม หนูรักษ์ เนื้อ 80 ตารางวา
 
               
              - นางแมะ กระเดื่องเดช เนื้อที่ 67  ตารางวา
 
               
              - ฮัจยีเกษม วงษ์ปถัมภ์ เนื้อที่ 69  ตารางวา
 
               
              - ฮัจยีเดช หนูรักษ์ เนื้อที่ 69 ตารางวา 
 
                          | 
              | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            ต่อจากนั้นได้จัดทำถนนกว้าง  4 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร และนายพัน โพธิบุตร  ได้สละที่ดินถมถนนเพิ่มขึ้นอีกจนแล้วเสร็จเมื่อได้จัดทำถนนและขยายที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมัสยิดโดยวิธีการเปิดซองประมูลราคา  ซึ่งได้แก่ บริษัทวัฒนาก่อสร้างจำกัด  เป็นรับเหมาทำการก่อสร้างตามแบบแปลนของเทศบาลนครกรุงเทพฯ โดยคณะกรรมการและสัปปุรุษ  ได้มอบความไว้วางใจแต่งตั้งให้นายสมพร พุ่มดอกไม้ กรรมการมัสยิดคนหนึ่ง  ผู้เป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้างครั้งนี้  เป็นผู้เซ็นสัญญากับบริษัทวัฒนาก่อสร้างจำกัดแต่เพียงผู้เดียว  และได้แต่งตั้งฮัจยีสมาน หวังภักดี คอเต็บ และฮัจยีหมัด เลาะเซ็ม บิหลั่น  เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้าง และได้แต่งตั้งให้อาจารย์มูฮำหมัด มะหะหมัด  (ครูหมัดไฝ) เป็นเจ้าหน้าที่รับเงินบริจาค  ทำหน้าที่ควบคุมดูแลและเก็บรักษาเงินของมัสยิดแต่ผู้เดียว  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            เมื่อวันที่  22 พฤษภาคม 2505 คณะกรรมการมัสยิดและสัปปุรุษได้จัดงานวาง “ศิลารากฐาน” โดยท่านจุฬาราชมนตรี ต่วน สุวรรณศาสน์  ในวันนั้นได้มีพี่น้องมุสลิมจากภายในตำบลและภายนอกตำบลอื่นๆ  ได้บริจาคสมทบทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนเงิน 140,000 บาท  (หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท)  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            มัสยิดหลังใหม่นี้  สร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น มีขนาดกว้าง 19 เมตร ยาว 37 เมตร  มีมุขหน้า มีชานโดยรอบกว้าง 2 เมตร พื้นไม้แดง มีสองโดม และหออะซานสูงประมาณ 20  เมตร มีรั้วเหล็กและกำแพงคอนกรีตล้อมรอบบริเวณ จัดทำที่สำหรับอาบน้ำละหมาด 10 ก๊อก  ห้องน้ำ 3 ห้อง ตั้งแต่เริ่มทำการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเป็นเวลา 11 เดือน  ค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 1,036,000 บาท (หนึ่งล้านสามหมื่นหกพันบาท)    เงินที่ใช้ในการก่อสร้างได้รับบริจาค  
              จากบรรดาสัปปุรุษ ที่ได้นำมาบริจาคสมทบ  ซึ่งทั้งนี้ทางมัสยิดมิได้ส่งผู้แทนออกเรี่ยราย ณ ที่ใดเลย  ด้วยผลงานต่างๆที่กล่าวมาแล้ว ได้ประสบความสำเร็จจนปรากฏผลเป็นที่น่าภาคภูมิใจ  ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากบรรดาสัปปุรุษของมัสยิดนี้  และคณะกรรมการทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ  ตลอดจนการประสานงานและความสามัคคีอันเข้มแข็งของกรรมการชุดปัจจุบัน  เราทุกคนต่างยึดมั่นในคติที่ว่า “ความสามัคคีเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ” อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ ด้วยบารอกัตและเนียะมัตขององค์อัลเลาะห์ตาอาลา  กิจกรรมอันสำคัญนี้จึงสำเร็จลุล่วง สมความมุ่งหมายทุกประการ  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            | รายชื่อบรรดาอิหม่ามมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีน(บ้านดอน)  ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน | 
           
          | 
       
      
        
          
            
              - ฮัจยีฮะ  มุสตาฟา
 
               
              - ฮัจยีฮุเซ็น หวังภักดี
 
               
              - ฮัจยีอับดุลเลาะห์ กระเดื่องเดช
 
               
              - ฮัจยีชม มุสตาฟา
 
               
              - ฮัจยีอับดุลมุบีน มะลิ
 
               
              - ฮัจยีอุสมาน มะลิ
 
               
              - ฮัจยีมุฮำหมัดยาลาลุดดีน (อรุณ) บุญชม (ปัจจุบัน)
 
                          | 
              | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
        
          
            นอกจากนี้ในชุมชนดารุ้ลมุห์ซีนีน(บ้านดอน)  ยังมีสถาบันสอนศาสนา ที่ผลิตบุคลากรรับใช้สังคมมุสลิมมากมาย นั่นคือ โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์  | 
           
          | 
       
      
        |   | 
       
      
         | 
       
      
        |   | 
       
      |